Anti-aging คือ #เวชศาสตร์ชะลอวัย
เป็นศาสตร์ที่ใช้ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมโดยเน้นที่การดูแลสุขภาพ (เน้นในรายละเอียด) แบบป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บเพื่อชะลอการเสื่อมถอยของร่างกาย ฟื้นฟูสุขภาพและปรับสมดุลในระบบต่างๆ ของร่างกายให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย

…เน้นการดูแลสุขภาพแบบป้องกัน แม้คุณจะไม่มีอาการของโรคใดๆ ก็ตาม แต่หากจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด (ตรวจเลือด. ตรวจการทำงานของอวัยวะต่างๆ. ตรวจภาวะภูมิแพ้แอบแฝง. ตรวจระดับกรดอะมิโน. กรดไขมันจำเป็น. ระดับแร่ธาตุ-วิตามิน. ตลอดจนสารต้านอนุมูลอิสระและระดับฮอร์โมนต่างๆ ฯลฯ) 

Placenta

พลาเซนต้า (Placenta) คือ รกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นส่วนที่เชื่อมต่อจากสะดือ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเพื่อเลี้ยงดูตัวอ่อนให้เจริญเติบโต และยังมีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวอ่อนด้วย ในพลาเซนต้า ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่มีประโยชน์หลายชนิดมาก และ placenta ยังมี stem cell stimulating factor ซึ่งจะช่วยกระตุ้น stem cell ในร่างกายที่อยู่ในภาวะพัก ให้กลับมามี activity เหมือนกับการเปิดสวิทซ์ ให้ stem cell เริ่มการทำงาน ในการซ่อมแซมร่างกาย และพบว่า placenta peptide สามารถกระตุ้น stem cell ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติถึง 8 เท่า ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผลัดเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพแล้วออกไป แล้วสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ อันจะมีผลต่อเนื่องไปยังการทำงานต่างๆ ของร่างกาย และก่อให้เกิดประโยชน์ตามมาอย่างมากมาย

ประสิทธิภาพการใช้อย่างรูปธรรมมีดังนี้

1.ช่วยให้ผิวขาว เนียน สวย ช่วยแก้ไขผิวแห้ง ผิวหยาบกร้าน

2.ช่วยรักษาการอักเสบของผิว

3.ช่วยให้ผิวที่เป็นรอยแผลให้จางหาย และช่วยลดปัญหา สิว กะ รอยด่างดำ และผดผื่น

4.ช่วยกระตุ้นการทำงานเซลล์ของอวัยวะในร่างกายเช่นตับเป็นต้น

5.ป้องกันมะเร็ง

6.ป้องรอยเหี่ยวย่นของผิวพรรณ (กับอายุที่เพิ่มขึ้น)

7.ช่วยลดอาการภูมิแพ้

8.ช่วยต่อต้านโรคติดต่อ

9.เพิ่มเกร็ดเลือด

10.ช่วยการปรับตัวการทำงานของประสาทโดยอัตโนมัติ

11.ช่วยการหลั่งฮอร์โมนให้สม่ำเสมอ

12.เสริมสร้างน้ำนมแม่

13.ปรับสภาพร่างกายให้ได้รับสารอาหาร

สารเปปไทด์ชีวภาพ (Peptide RNA)

Peptide RNA คือหน่วยย่อยที่เล็กกว่าโปรตีน เป็นสารธรรมชาติที่ทำหน้าที่ภายในเซลล์ ช่วยการประสานงานภายในเซลล์ และช่วยฟื้นฟูหน้าที่การทำงานของเซลล์ต่างๆ  ซึ่งรวมไปถึงการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นทดแทน เซลล์เก่าที่ตายไปด้วย

         เปปไทด์ชีวภาพ ใช้หลักการซ่อมแซมเซลล์ ด้วยการทดแทนเปปไทด์ที่สึกหรอและขาดหายไป จากการใช้งานมานาน ตั้งแต่เราเกิดมาจนกระทั่งเกิดความเสื่อม เมื่อเปปไทด์ที่ดีได้รับการชดเชย ทดแทน เซลล์ก็จะกลับมาทำหน้าที่ได้ดีดังเดิมอีก และเริ่มขบวนการซ่อมแซมเซลล์ เพื่อทดแทนส่วนที่เสียหายไปแล้ว

>>มีแพทย์ประมาณ 20,000 คน ในยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน ใช้สารเปปไทด์ชีวภาพ (Peptide RNA) ในการรักษาผู้ป่วย และมีประเทศที่ให้การรับรองด้วยวิธีนี้ทั่วโลก จำนวน 60 ประเทศ

…โรคที่ได้รับการระบุว่าสามารถรักษาได้ด้วยสารเปปไทด์ชีวภาพ (Peptide RNA) คือ โรคความเสื่อมทุกประเภท โรคหัวใจ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ ภูมิแพ้ รูมาตอยด์ กระดูกเสื่อม ไตวาย หัวใจล้มเหลว เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ วัยทอง ความพิการทางสมอง ระบบประสาทถูกทำลาย โรคเครียด โรคตับ โรคสมองเติบโตช้าในเด็ก ปัญญาอ่อน โรคเลือด โรคเหงือกและฟัน โรคของตับอ่อน ต้อหิน ต้อกระจก ภูมิคุ้มกันต่ำ ภูมิคุ้มกันไวเกิน โรคหู โรคตา โรคผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ภาวะมีบุตรยาก โรคผิวหนัง โรคเส้นเลือดตีบ พาร์กินสัน แผลในกระเพาะอาหาร มีสถิติที่น่าสนใจคือ โรคเรื้อรังต่างๆ รวมทั้งโรคที่สิ้นหวัง มีอาการดีขึ้นได้ 80 %

จุดเด่นของสารเปปไทด์ชีวภาพ (Peptide RNA)

  1. รักษาโรคที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
  2. รักษาโรคความเสื่อมให้หายขาดได้ โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยาตลอดชีวิต
  3. ให้ผลถึงระยะยาว เพราะเป็นการปรับปรุง ฟื้นฟูตัวเองของร่างกายทั้งระบบให้มีความสมดุล
  4. ปราศจากการแพ้ หรือผลข้างเคียง
  5. สามารถใช้กับเด็กทารกอย่างปลอดภัย เหมือนกับการใช้สารอาหาร
  6. แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่รักษาที่อาการ
  7. เป็นการฟื้นฟูร่างกายทั้งระบบ
  8. ชะลอความเสื่อม ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น