ในปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผู้คนจำนวนมากที่เป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น ทั้งที่ไม่เคยมีอาการมาก่อน เนื่องจาก ปัจจุบันนี้ มีหลายปัจจัยที่ทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนไป เช่น มลพิษทางอากาศ หรือแม้แต่สารปนเปื้อนที่มากับอาหาร ล้วนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
เพื่อให้แน่ใจว่าเราเข้าข่ายการเป็นภูมิแพ้หรือยัง มารู้จักกับโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยกันก่อนนะคะ
#โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis)
เป็นโรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยและเยอะที่สุด ผู้ป่วยมักจะมีอาการคันจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ มีเสมหะมาก อาจจะกระแอมบ่อยๆ เนื่องจากน้ำมูกไหลลงคอ เป็นหวัดบ่อยหรือเป็นหวัดง่าย โรคแพ้อากาศพบได้ในคนทุกวัยโดยเฉพาะเด็กนักเรียนในเขต กทม. ที่เป็นโรคนี้มากถึง 40% ซึ่งต่อไปในอนาคตเด็กเหล่านี้ก็มักจะถ่ายทอดโรคภูมิแพ้ให้แก่ลูกๆ ต่อไป
.
#โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ (Asthma) หรือ #โรคหืด
เกิดจากการอักเสบของหลอดลมทำให้มีความไวและตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ เมื่อสัมผัสสิ่งกระตุ้นหลอดลมก็จะหดตัวอย่างรุนแรงจนตีบแคบ ทำให้หายใจลำบาก ไอ หอบ แน่นหน้าอกและหายใจมีเสียงวี้ดๆ พบบ่อยในคนทุกวัยและถ่ายทอดทางกรรมพันธ์ หากพ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคหืดลูกจะมีโอกาสเป็น 30-50% และสูงถึง 60-100% หากพ่อแม่เป็นทั้งคู่
.
#โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergic Skin Disease) หรือ #ลมพิษ
ลมพิษ มักมีอาการบวม แดง คันที่ผิวหนังตำแหน่งใดก็ได้ในร่างกาย ลมพิษอาจจะอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจจะเป็นๆ หายๆ สามารถเป็นได้กับคนทุกวัยเช่นเดียวกันโดยแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ลมพิษชนิดเฉียบพลัน ซึ่งมักจะเกิดจากการ แพ้อาหาร ยาหรือการติดเชื้อ และลมพิษชนิดเรื้อรัง มักเกิดตามตำแหน่งที่เกาหรือกดทับเป็นเวลานาน
หากพบว่าตัวเองเริ่มเป็นโรคภูมแพ้แล้ว เราอาจหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นได้ยาก แต่เราสามารถดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดอาการได้ หรือฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของเราได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลากหลายวิธี เช่น การเพิ่มวิตามินที่สำคัญให้ร่างกาย, การทำโอโซนบำบัด หรือการล้างลำไส้เป็นต้น
ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
#สุขภาพดีสร้างได้
#StemmedClinic
#ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพและชะลอวัย
