การฉีดสารตกแต่งใบหน้าฟิลเลอร์
         สารที่ใช้ตกแต่งใบหน้าในปัจจุบันมีหลายชนิด เช่น โบท๊อกซ์ คอลลาเจน  โดยสารตกแต่งมักใช้เพื่อเพิ่มความอิ่มของใบหน้า, ริมฝีปาก, ใต้ดวงตา, เพิ่มขนาดของอวัยวะต่างๆ และใช้ลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า เนื่องจาก ในปัจจุบันมีสารเติมเต็มออกมามาก โดยยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจัง ผู้ใช้บริการที่ต้องการฉีดสารดังกล่าว ควรศึกษาผลของการฉีดสารแต่ละชนิด ผลข้างเคียงและการแก้ไขหลังทำการฉีด เนื่องจากการฉีดสารบางชนิดที่เป็นสารเติมเต็มแบบถาวร อาจไม่สามารถแก้ไขได้จนเป็นปกติ ในที่นี้ จะกล่าวถึง เฉพาะสารที่นำเข้ามาใช้ในประเทศไทย
ข้อแนะนำการเข้ารับบริการการฉีดสารฟิลเลอร์

        สารที่ปัจจุบันมีความปลอดภัยและ FDA ของอเมริกายินยอมให้ฉีดเสริมแต่งใบหน้า ได้แก่ Collagen และ Hyaluran (Filler)ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการฉีดถึง- ชนิดของสารที่ฉีด- ผลข้างเคียงทั้งระยะสั้นและระยะยาว
– วิธีแก้ไข สามารถดูดออกได้หรือไม่- ระยะเวลาการดูดทำได้ภายในกี่วัน
ในกรณีที่ไม่ทราบชนิดสารที่ฉีดและต้องการฉีดมากจริงๆ แล้วไม่แน่ใจว่าเป็นซิลิโคนเหลวหรือไม่ แนะนำให้ฉีดที่บริเวณคาง จะเป็นตำแหน่งที่มีปัญหาน้อยที่สุด เนื่องจากบริเวณคาง สารที่ฉีดถ้ามีการไหลก็จะไหลลงปลายคาง  ตำแหน่งที่ไม่ควรฉีดในครั้งแรก ได้แก่ หน้าผากและแก้ม เนื่องจากมีโอกาสไหลไปที่ตำแหน่งอื่นมากกว่า 80%

ควรขอผลิตภัณฑ์ที่ฉีด , กล่องของสารที่ฉีด รวมทั้งผลิตภัณฑ์ ฉลาก ฉีดในสถานที่ที่มีสถานประกอบวิชาชีพที่แน่นอน ไม่ควรฉีดตามรถที่รับฉีดหรือผู้ที่ถือกระเป๋าฉีดตามบ้านและที่ต่างๆ

การฉีดสารตกแต่งใบหน้าฟิลเลอร์
การฉีดสารฟิลเลอร์
แนวทางปฏิบัติตัวหลังฉีด Filler

ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้

  • 48 ชั่วโมงแรก ไม่ควรออกกำลังกายให้เหงื่อออกมาก หรือไปตากแดดร้อนๆ เพราะอาจทำให้เกิดรอยแดงมากขึ้นบริเวณที่ฉีด
  • หลังฉีดทันทีไม่ควรจับ ลูบคลำ นวด หรือปั้นเอง ในบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
  • หลังฉีดควรดื่มน้ำในปริมาณที่มากโดยเฉพาะ 4 วันแรก ของหลังฉีด Filler ประมาณ 8-46 แก้ว เพราะ Filler เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้ Filler ที่ทำการเติมเต็มเข้าไปนั้นอยู่ได้นานขึ้น และช่วยให้น้ำจับกับโมเลกุล ของ Filler ที่ฉีด ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
  • งดทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออก เช่น แอสไพริน Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย หลีกเลี่ยงการใช้สารที่มีส่วนผสมของ BHA,AHA และ Retinoid 2 สัปดาห์
  • ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นบริเวณที่ฉีด Filler งดเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ทำเลเซอร์ ทำ RF หรือ Ionto เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อ Filler ได้ใน 2 สัปดาห์แรก ความร้อนที่สามารถโดนได้คือ ไดร์เป่าผม และแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไปได้ตามปกติ
  • หลังฉีดสามารถแต่งหน้า ทาแป้ง ทาครีมได้ตามปกติ เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ สามารถทำ Treatment อื่นๆ ได้ตามปกติ (ยกเว้น Laser, Rf และ Ionto ต้องรอ 2 สัปดาห์) หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอร์ 2 วัน หลังการฉีด
  • เลี่ยงการสูบบุหรี่, การดูดทั้งจากหลอดดูด, การจูบ กรณีที่ฉีดที่ริมฝีปาก 2 วันหลังการฉีด
กรณีที่มีอาการข้างเคียง ตามราการด้านล่างให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำแพทย์ดังนี้
  • หลังฉีดอาจมีรอยเข็มแดงๆ เป็นจุดเล็กๆ ในบริเวณที่ฉีด จะหายเองภายใน 2-3 วัน และอาจเกิดรอยเขียวช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งมักเจอในคนที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin,Alcohol หรือวิตามิน E อาหารเสริมบางชนิดเช่น Fish oil, Primrose โดยรอยเขียวช้ำจะค่อยๆ จางลงภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นช่วงแรก สามารถทาแป้ง, Concealer หรือ รองพื้นปกปิดบริเวณที่เขียวช้ำ หรือรอยแดงจากเข็มไว้ก่อนได้
  • หลังฉีดอาจคลำพบก้อนเล็กๆ แข็งเหมือนยางลบใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะละลายตัวและนิ่มเป็นเนื้อเดียวกันเองภายใน 1-2 เดือน
  • อาจมีการปวดระบมบริเวณที่ฉีดได้เล็กน้อย สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการประคบเย็นหรือทานยาแก้ปวด ลดบวมได้
  • หลังการฉีด 3-4 ชม. ถ้ามีการปวดตื้อๆ อยู่สามารถนวด และประคบอุ่นได้จะช่วยให้อาการดีขึ้น  นัดพบแพทย์หลังการรักษา 7 วัน หรือ 4 สัปดาห์
  • กรณีอาการปวดบวมแดงมากผิดปกติ หรือสีผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนไปเป็นสีซีด เป็นสีน้ำตาล หรือดำ (โดยไม่ใช่รอยเข็ม หรือรอยเขียวช้ำ) ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ ผู้ทำหัตถการหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สาขา ตามเบอร์ที่ให้ไว้ทันที อย่ารอให้ถึงวันนัด