รูมาตอยด์ ตัวร้าย ทำลายสุข
รูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคที่มีการอักเสบของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ใช่เพียงที่ข้อ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติและไปทำลายอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายตัวเอง ในผู้ป่วยบางรายพบว่ามีภาวะที่มีผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ผิวหนัง ดวงตา ปอด หัวใจ และหลอดเลือด
อาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จะมีอาการปวดดำเนินอย่างช้า ๆ อาจนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน มีอาการเหนื่อยอ่อนและเมื่อยล้า รวมไปถึงอาจพบว่ามีน้ำหนักตัวลดลงและมีไข้อ่อน ๆ
อาการอื่น ๆ ของโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่
– มีอาการปวด บวม แดง อุ่น ข้อฝืด โดยจะเกิดขึ้นพร้อมกันในร่างกาย เช่น มือ ข้อมือ ข้อศอก เท้า ข้อเท้า เข่า และคอ
– อาการข้อฝืดแข็ง อาจเกิดขึ้นหลังจากที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว เช่น ตอนตื่นนอนในตอนเช้า หรือนั่งเป็นเวลานาน ๆ
– ปุ่มรูมาตอยด์ (Rheumatoid Nodules) ปุ่มเนื้อนิ่ม ๆ ที่มักเกิดบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อย ๆ เช่น ข้อศอก ข้อนิ้วมือ กระดูกสันหลัง
– อาการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อต่อและอาจส่งผลต่ออวัยวะส่วนอื่น ๆ เช่น ผิวหนัง ดวงตา ปอด หัวใจ ไต ต่อมน้ำลาย เส้นประสาท ไขกระดูก หลอดเลือด อาการและสัญญาณของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์อาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรง และอาการอาจกำเริบและสงบลงเป็นพัก ๆ ได้

สาเหตุของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะเกิดขึ้นจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายตัวเอง โดยจะทำลายเยื่อหุ้มข้อ (Synovium) เป็นผลทำให้เกิดการอักเสบและบวมขึ้น ซึ่งในที่สุดแล้วอาจทำลายกระดูกอ่อนและกระดูกของข้อต่อ รวมไปถึงเส้นเอ็นที่ยึดกล้ามเนื้อและกระดูก หรือเอ็นข้อต่อจะเปราะบางลงและยืดขยายออก จากนั้นข้อต่อก็จะค่อย ๆ ผิดรูปหรือบิดเบี้ยว
ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงต้นตอของการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ที่แน่ชัด ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้จากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ในขณะที่ยีนอาจไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง แต่สามารถทำให้ผู้ป่วยมีความไวต่อปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมได้ เช่น การติดเชื้อที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่กระตุ้นการเกิดโรค
ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ มีดังนี้
– เพศ เพศหญิงมีแนวโน้มที่เป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์มากกว่าเพศชาย
– อายุ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัย แต่ส่วนมากมักจะเกิดระหว่างอายุ 40-60 ปี
– ประวัติคนในครอบครัว หากมีคนในครอบครัวเคยเป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์ ก็จะมีความเสี่ยงในการเป็นมากขึ้น
– การสูบบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์ โดยเฉพาะหากมีความบกพร่องทางพันธุกรรมซึ่งมีโอกาสในการพัฒนาเป็นโรครูมาตอยด์ การสูบบุหรี่ยังมีผลที่เกี่ยวข้องในการเพิ่มความรุนแรงของโรคมากขึ้นอีกด้วย
– ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม การได้รับสารบางอย่าง เช่น ใยหินและซิลิกา อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
– ความอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงในการพัฒนาเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคเมื่ออายุ 55 ปี หรือน้อยกว่า